ค้นพบจุดหมายในฝัน...สวรรค์ริมน้ำ

เฉกเช่นเดียวกันกับเมืองไทย เส้นทางของสายน้ำมีความสำคัญยิ่งในการตั้งถิ่นฐานและการพัฒนาของประเทศต่างๆ ทั่วโลก และจุดหมาย 3 แห่งที่ท่านจะได้สัมผัสต่อไปนี้ก็มิได้มีข้อยกเว้น หนึ่งคือนครซึ่งย้อนอดีตไปถึงยุคเรอเนซองส์ ตั้งอยู่ในลากูน สอง คือ เมืองหลวงที่กำเนิดบนริมฝั่งแม่น้ำแซน และท้ายสุดในดินแดนที่เราเรียกขานว่า “ดาวน์ อันเดอร์” นครที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเขตร้อน จุดหมายปลายทางทั้งหมดนี้ คือดินแดนที่มีผืนแผ่นน้ำและเส้นทางน้ำรัดร้อยเป็นส่วนหนึ่งของนครเหล่านั้น

เวนิส...นครแห่งสายน้ำ

เวนิส เป็นเมืองหลวงของเขตเวเนโต้ ตอนเหนือของประเทศอิตาลี ที่นี่เป็นนครเก่าแก่ที่มีพื้น ที่เป็นเกาะเล็กๆ กระจายกันอยู่ 118 เกาะ เชื่อมถึงกันด้วยคูคลองต่างๆ และสะพานที่มีกว่า 400 แห่ง นครเวนิสตั้งอยู่บนลากูน หรือทะเลสาบริมชายฝั่งของทะเลอะเดรียติก นครนี้ได้ รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 และดึงดูดใจนักท่อง เที่ยวเป็นล้านๆ คนจากทุกมุมโลกด้วยประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตที่ผูกพันกับสายน้ำ ลำคลองอันมีเอกลักษณ์ เนื่องจากพาหนะประเภทรถยนต์ต่างๆ ไม่อนุญาตให้เข้าไปในเวนิส วิธีที่ดีที่สุดคือการเดินไปขึ้นเรือโดยสารที่เรียกว่า “vaporetti ferry” ซึ่งเดินเรือตาม ลำคลองและท้องน้ำระหว่างเกาะในนครเวนิส

สถานที่หนึ่งที่เรียกขานกันว่า Piazza San Marco หรือ จัตุรัสเซนต์มาร์ก นั้น ถือได้ว่า เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเยี่ยมในการท่องนครเวนิส ที่นี่เป็นจัตุรัสที่กว้างใหญ่ รายรอบด้วยสถาน ที่อันเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ รวมถึงมหาวิหารเซนต์มาร์ก พระราชวังดอจ์ด อันเป็นที่ พักของผู้ปกครองนครเวนิสในอดีต และใกล้ๆ บริเวณนั้น ท่านสามารถแวะชม La Fenice โรงละครโอเปร่าสไตล์เวเนเชี่ยน

สัมผัส the Grand Canal หรือ คลองหลัก ซึ่งเป็นลำคลองที่ใหญ่ที่สุดในเวนิส โดยท่าน สามารถล่องลำน้ำเที่ยวได้ด้วยเรือโดยสาร vaporetti และขึ้นลงตามท่าต่างๆ ที่สนใจจะแวะชม ทั้งเมืองเวนิสนั้น มีพิพิธภัณฑ์ให้เลือกเยี่ยมชมได้มากกว่า 50 แห่ง ซึ่งแสดงผลงานยอด เยี่ยมทางศิลปะในยุคเวเนเชียน เรอเนซองส์ ตลอดจนถึงผลงานศิลปะแนวใหม่ที่ Peggy Guggenheim Collection ซึ่งประมวลผลงานชิ้นเอกของ Picasso, Pollock, Kandinsky, Miró, de Chirico และ Dalí.

การท่องเที่ยวไปกับสายน้ำตามคลองในเวนิสด้วยเรือกอนโดล่าแบบดั้งเดิมสไตล์เวเนเชียนนั้น จะเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม โดยมีการขับขานบทเพลงแบบ Serenade สำหรับผู้ที่มี ความโรแมนติกอยู่ในหัวใจ หรือจะเลือกล่องเรือร่วมกับคนอื่นๆ ในเรือกอนโดล่าเดียวกัน และฟังเสียงบรรยายของไกด์ ซึ่งมีหลายภาษา พาท่านดื่มด่ำสู่อดีตและเรื่องราวของนคร เวนิสอย่างรื่นรมย์

ตามตรอกซอกซอยและอาเขตใหญ่ต่างๆ ที่ทอดยาวคดเคี้ยวอยู่ทั่วเวนิสจะนำท่านสู่ภัตตาคาร เล็กๆ มากมายที่มีรสชาติเด็ด ร้านบูติกแนวชิคหรูๆ และร้านท้องถิ่นต่างๆ ที่หลากหลายด้วย ผลิตภัณฑ์แนวศิลปะ นับตั้งแต่พวกหน้ากาก Mardi Gras จนถึงของกิน เครื่องปรุง อาหารสไตล์เวเนเชี่ยนที่อยู่ในหีบห่อสวยงามมีเอกลักษณ์

และที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง คือ the 2020 Venice Carnevale งานคาร์นิวัลหน้ากากประจำ ปีของนครเวนิส หรือ งานเทศกาล Mardi Gras ในปีนี้จะเฉลิมฉลองกันตั้งแต่วันที่ 8 -25 กุมภาพันธ์ ซึ่งการได้มาท่องเที่ยวในช่วงนี้ ถือว่าเป็นประสบการณ์ล้ำเลิศที่ได้สัมผัสหนึ่งใน เทศกาลระดับโลก

ปารีส...นครโรแมนติก

ในอดีตช่วงยุคกลางของยุโรป นครปารีสตั้งอยู่บนเกาะ Isle de la Cite บนฝั่งแม่น้ำแซน และในปัจจุบัน แม่น้ำแซน ก็ยังคงเป็นจุดโดดเด่นของมหานครที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือน มากที่สุดในโลกแห่งนี้ การล่องเรือบนแม่น้ำแซนไม่เพียงแต่เป็นได้อารมณ์โรแมนติก หากแต่ ยังเป็นโอกาสในการสัมผัสจุดท่องเที่ยวหลายๆ แห่งอันเป็นสัญลักษณ์ปารีสที่คุ้นตา อาทิ หอไอเฟล เกาะอิล เดอ ลา ซิเต้ และมหาวิหารนอเทรอ ดาม (Notre Dame Cathedral) พิพิธภัณฑ์ดอร์เซ (Musee d’Orsay) และอีกมากมาย

เมื่อท่านอิ่มเอมไปกับการเที่ยวล่องแม่น้ำแซนแล้ว นครปารีสยังมีสถานที่แลนด์มาร์กต่างๆ ที่น่าเยี่ยมชมไม่ว่าจะเป็น สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ชอง เดอ มาร์ส (Champs-de-Mars esplanade) ที่พาท่านตรงสู่หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (The Louvre) ซึ่งเก็บผลงาน ชิ้นเอกโมนา ลิซ่า ของอัครศิลปินลีโอนาโด ดา วินชี และผลงานศิลปะระดับโลกอื่นๆ กว่า 300,000 ชิ้น หรือแวะชมพิพิธภัณฑ์ มูเซ ดอร์เซ ซึ่งมีชื่อเสียงระดับสากลในการรวบรวม สะสมงานศิลปะแนวอิมเพรสชั่นนิสต์มากมาย อีกสถานที่หนึ่งที่ควรแวะชม คือ ประตูชัย ปารีส (The Arc de Triomphe) อยู่ในบริเวณช็อง เดลิเซ รวมถึงจุดท่องเที่ยวโดดเด่น อีกแห่งหนึ่ง คือ เสาโอเบลิสต์ ที่จัตุรัส ปลาส เดอ ลา คองคอร์ด อันเป็นหนึ่งในนาฬิกา แดดที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ที่นครปารีส ยังเป็นศูนย์กลางของต้นตำรับอาหารฝรั่งเศส ซึ่งมีตั้งแต่ภัตตาคารระดับมิชลิน สตาร์ 3 ดาว จนถึงร้านอาหารแนวบิสโทรที่ไม่เหมือนใคร และร้านแนวคาเฟ่ริมทาง ซึ่งมี หลากหลายสนนราคาให้เลือกได้

นอกจากนี้ ปารีสยังเป็นหนึ่งในนครแนวหน้าของแฟชั่นระดับโลก การมาเที่ยวปารีสจะไม่ครบสูตร หากท่านไม่แวะปรายตามองร้านของนักออกแบบแฟชั่นชั้นสูง (Haute Couturiers) ในสไตล์วินโดว์ ช็อปปิ้ง ที่ถนน Avenue Montaigne, Fauborg Saint-Honore, Place de la Madeleine, Saint-Sulpice quarter หรือ Sevres-Babylone รวมถึงห้าง สรรพสินค้า Printemps, Galeries Lafayette และ Bong Marche ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น สถาบันแฟชั่นชั้นำของปารีส หรือหากท่านชอบสนุกกับการต่อราคา ก็สามารถแวะไปตลาดนัด ที่ใหญ่ที่สุดสองแห่งนอกใจกลางปารีส คือ Porte de Vanves และ Porte de Saint-Ouen

ที่ปารีส...นครริมฝั่งแม่น้ำแซน เป็นจุดหมายยอดนิยมเสมอ สำหรับท่านที่ชื่นชอบความ โรแมนติก ศิลปะวัฒนธรรม และแฟชั่น เพราะที่นี่นำเสนอความสุขให้ท่านได้อย่างครบ สมบูรณ์แบบที่สุด

บริสเบน...นครแห่งสายน้ำ

ในยุคแรก ช่วงปี พ.ศ. 2381 บริสเบนคือดินแดนในการตั้งถิ่นฐานอิสระ อยู่ริมแม่น้ำ บริสเบน แต่วันนี้ บริสเบนเป็นนครที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศออสเตรเลีย อีกทั้งยัง เป็นเมืองหลวงของรัฐควีนส์แลนด์ – ดินแดนแห่งแห่งตะวัน ซึ่งมีภูมิอากาศค่อนข้างดี ตลอดปีที่เหมาะกับการท่องเที่ยวสุขใจ

ด้วยการที่มีทำเลอยู่ระหว่างมหาสมุทรและอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง ทำให้นครบริสเบนเป็น เมืองศูนย์กลางของศิลปะ วัฒนธรรม และการกินดื่มแบบคนเมือง แต่ก็ยังมีความใกล้ชิด กับธรรมชาติ และที่นี่ยังเป็นประตูสู่ชายหาดอันสวยงดงามของ เดอะโกลด์ และ ซันชายน์ โคสต์ (the Gold & Sunshine Coasts)

ที่บริสเบน การลงเรือท่องแม่น้ำบริสเบนน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ แม่น้ำนี้เป็นแม่น้ำสาย ยาวที่สุดของรัฐควีนส์แลนด์ทางตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านจุดชมวิวที่โดดเด่นของบริสเบน นั่นคือ Kangaroo Point Cliffs อันสวยงาม ซึ่งทอดยาวไปตลอดลำน้ำสู่ป่าเขา ท่าน สามารถเรียนรู้เกร็ดประวัติศาสตร์และตำนานท้องถิ่นของที่นี่ผ่านการบรรยายอย่างมีสีสัน ระหว่างการเที่ยวล่องเรือ ก่อนที่จะขึ้นจากเรือและไปสัมผัสสถานที่จริง นอกเหนือจากการ เที่ยวชมด้วยการล่องเรือแล้ว จุดท่องเที่ยวที่โดดเด่นอีกสถานที่หนึ่งคือสะพาน Story Bridge ซึ่งควรค่ากับการขึ้นไปชมวิว เพราะท่านจะได้เพลินตาเพลินใจกับทิวทัศน์แบบ 360 องศา และ บริสเบน ริเวอร์วอล์ก ซึ่งเป็นทางเดินเหนือแม่น้ำบริสเบนที่ลัดเลาะขนานไปกับ ฝั่งน้ำสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชมการเดินชมวิวหรือปั่นจักรยาน ซึ่งเส้นทางนี้ชวนให้ตื่นตา ตื่นใจกับวิวที่เปลี่ยนไปตลอดทางจากบริเวณที่เรียกว่า New Farm จนถึงท่าเรือ Howard St Wharves แหล่งดื่มกินที่สุดฮิตของบริสเบน

นครบริสเบน ยังก้าวสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลางด้านศิลปะและวัฒนธรรมของออสเตรเลีย บริเวณที่เรียก South Bank Cutural Precinct คือพื้นที่ที่รวมเอาสารพันสิ่งด้านศิลปะ และวัฒนธรรมมานำเสอน อาทิ พิพิธภัณฑ์แห่งควีนส์แลนด์ และศูนย์วิทยาศาสตร์ Sciencetre ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการจัดนิทรรศการแบบอินเตอร์แอคทีฟ อีกทั้งยังมีหอ แสดงศิลปะแนวโมเดิร์นอาร์ตแห่งควีนส์แลนด์ สำหรับท่านที่รักธรรมชาติ สวนพฤกษศาสตร์ Brisbane Botanic Gardens ที่ตั้งอยู่บนเขา Mount Coot-tha จะทำให้ท่านเพลินตาเพลินใจ อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวเมืองบริสเบนได้ทั่วทั้งเมือง เช่นเดียว กับการได้สัมผัสประสบการณ์เกี่ยวกับพืชสวนพันธุ์พื้นเมืองในเรือนกระจกมากมายกว่า 128 เอเคอร์ ที่ไม่ควรพลาดอีกจุดหนึ่งบนฝั่งแม่น้ำบริสเบน คือศูนย์อนุรักษ์โคอาล่า Lone Pine Koala Sanctuary ซึ่งไม่เพียงแต่มีโคอาล่า ที่ยังมีสัตว์ประจำถิ่น ออสเตรเลียอื่นๆ เช่น จิงโจ้ วอลลาบี ค้างคาว วอมแบท งูพันธุ์ต่างๆ และจระเข้ ท่านและ ครอบครัวจึงไม่ควรพลาดสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างยิ่ง

ท่านสามารถมาแวะเยือนบริสเบนได้ตลอดทั้งปี เพื่อสัมผัสบรรยากาศความสุขจากนคร ท่ามกลางสายน้ำแห่งนี้ ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวเสมอ


บินไปกับการบินไทย และสัมผัสประสบการณ์อันรื่นรมย์ของจุดหมายริมน้ำทุกที่ของเรา สำรองเที่ยวบินได้ทันที คลิก thaiairways.com