เยือนจุดหมายแสนโรแมนติกประทับใจ

ไม่ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกเหนือ หรือจะอยู่ในช่วงเวลาใบไม้ผลิบานในเขตเส้นรุ้งทางใต้ ช่วงเวลานี้วิเศษที่สุดสำหรับการพักผ่อนอย่างโรแมนติก ด้วยว่าช่วงเวลานี้ไม่ใช่ฤดูการท่องเที่ยวประจำปี จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะได้ท่องสู่จุดหมายใหม่ ๆ เพื่อสร้างช่วงเวลาพิเศษของท่านเพียงสองคน

เมืองฟลอเรนซ์...อิตาลี

ที่นี่คือถิ่นกำเนิดของยุค Renaissance หรือ ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการของยุโรป ถนนหนทางต่างๆ รวมถึงบรรดาจัตุรัส และอาคารต่างๆ ทั่วเมืองฟลอเรนซ์ จึงสะท้อนย้อนให้เห็นร่องรอยประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรมของยุคนั้น ที่ศูนย์กลางแห่งประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ ยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวมากมายด้านศิลปะและวัฒนธรรมแล้ว เมืองฟลอเรนซ์และดินแดนแควันทัสคานี ขึ้นชื่อในเรื่องภูมิประเทศ ความเลิศล้ำของรสชาติอาหาร และไวน์ จนท่านต้องรู้สึกทึ่งใจ

ด้วยรถไฟความเร็วสูงจากกรุงโรม ท่านก็จะมาถึงเมืองฟลอเรนซ์ได้ โดยใช้เวลาเพียง

1 ชั่วโมง 23 นาที ซึ่งสถานีเมืองฟลอเรนซ์อยู่ใกล้ศูนย์กลางของสถานที่ประวัติศาสตร์ นำท่านสู่ความตื่นตาตื่นใจกับพิพิธภัณฑ์เลื่องชื่อมากมายของ

ฟลอเรนซ์ และพิพิธภัณฑ์ที่ท่านพลาดไม่ได้คือ ยูฟิซซี แอคคาเดอเมีย แกลเลอรี (Ufizzi Gallery and Accademia Gallery) เพราะที่นี่จะมีผลงานประติมากรรมระดับโลกมากมายของไมเคิลแองเจโล และผลงานศิลปะระดับปรมาจารย์ท่านอื่นๆ ในยุค Renaissance รวมถึงลิโอนาร์โด ดา วินซี และ ราฟาเอล

หากท่านต้องการหาจุดชมวิวเมืองฟลอเรนซ์ ที่ Piazzale Michelangelo เป็นจุดที่จะเห็นทัศนียภาพที่ตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง หรือหากจะมีโอกาสเดินเล่นบนสะพาน Ponte Vecchio สะพานที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองฟลอเรนซ์... ดื่มด่ำกับทัศนียภาพของแม่น้ำอาร์โนที่อยู่เบื้องล่าง และจะโรแมนติกยิ่งขึ้น หากได้นั่งรถม้าชมเมืองจาก Piazza del Duomo จากนั้นก็แวะหามุมสงบและรื่นรมย์ที่สวน Boboli Gardens หรือ สวนแห่งกุหลาบนานาพันธุ์ที่ Villa Bardini ซึ่งล้วนได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม พรั่งพร้อมด้วยดอกไม้หอมมากมาย สุดท้ายท่านอาจจะมารับประทานอาหารค่ำใต้แสงเทียน ณ ร้านอาหารใดสักแห่งริมแม่น้ำอาร์โน และจบวันหนึ่งวันอันแสนโรแมนติกของท่านและคนที่รักในเมืองฟลอเรนซ์อย่างสุขสมรื่นรมย์

เมืองโคโลญจ์...เยอรมนี

เมืองโคโลญจ์ อาจจะไม่มีชื่อเสียงในด้านความโรแมนติกชวนฝัน แต่เมืองนี้ ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไรน์ ก็นับเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีเสน่ห์ประทับใจนักท่องเที่ยวที่มาเยือน บรรดาถนนแคบๆ ที่ปูด้วยหินคอบเบิลสโตนแบบดั้งเดิมในตัวเมือง มีร้านคาเฟ่ ร้านอาหารและร้านเล็กร้านน้อยต่างๆ มากมายที่รอให้คุณมาสัมผัสความรื่นรมย์

ที่เมืองโคโลญจ์ แม่น้ำไรน์ ยังเป็นศูนย์กลางของเมือง พรั่งพร้อมด้วยเรือสำหรับเที่ยวล่องน้ำได้ทั่วเมืองทั้งกลางวันและกลางคืน หรือจะนั่งเรือล่องแม่น้ำให้เพลินใจกว่านั้นเพื่อชมภูมิทัศน์และไร่องุ่น ซึ่งอยู่ตามเนินลดหลั่นขึ้นไปจากริมฝั่งน้ำ เมืองโคโลญจ์และบริเวณที่รายรอบล้วนมีบรรยากาศริมน้ำที่ชวนฝันที่สุดในการล่องเรือเที่ยวในยุโรป

เดอะ ไรน์พาร์ค ในเมืองโคโลญจ์ คือ อีกจุดท่องเที่ยวอีกแห่งริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสวนสารณะในเมืองที่ดีที่สุดของประเทศเยอรมนี มีสวนพฤกษาที่ร่มรื่นและ ทางเดินในสวนที่มีธรรมชาติเขียวชอุ่มรับกับความสวยสงบของลำน้ำไรน์ อีกสถานที่หนึ่งที่ท่านน่าจะไปเดินเล่น คือ สะพาน Hohenzollern... ซึ่งท่านจะได้เห็นผนังกำแพงที่คล้องกุญแจรักพร้อมชื่อคู่รักเต็มไว้มากมาย ที่นี่ ท่านก็สามารถหาซื้อกุญแจมาคล้องสัญญาความรักให้ยั่งยืนได้โดยการเอาทิ้งลูกกุญแจลงแม่น้ำ...ผูกพันความรักของท่านไว้ให้เป็นนิรันดร์

เมืองเกียวโต...ญี่ปุ่น

ที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น และในอดีตยังเป็นที่ประทับขององค์จักรพรรดิและพระบรมวงศานุวงศ์ ปัจจุบัน เกียวโต ยังคงความเป็นเมืองแห่งความงดงามสุขสงบและชวนฝันสำหรับคนที่มีความรักในหัวใจ

พาท่านมาเริ่มต้นที่สะพาน Togetsukyo หรือเรียกกันว่า สะพานข้ามพระจันทร์ ซึ่งทอดยาวเหนือแม่น้ำ Katsura ในเขต Arashiyama ที่นี่มีชื่อเสียงมากในเรื่องทัศนียภาพอันงดงามและเป็นยอดนิยมในหมู่คู่รักชาวญี่ปุ่น นอกจากนั้น ยังมีรถไฟสายโรแมนติก Sagano จะพาท่านเพลิดเพลินชวนฝันไปกับเส้นทางคดเคี้ยวแต่สวยสดงดงามของดินแดน Arashiyama-Sagano อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวเต็มสิบของเมืองเกียวโต... หนึ่งในความประทับใจและชวนสนเท่ห์ คือ ป่าไผ่แห่ง Sagano (the Sagano Bamboo Forest) ที่ซึ่งในบริเวณนี้จะมีศาลเจ้า Nonomiya ตั้งอยู่ รวมถึงเทพ Nonmiya Daikokuten ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรักและการแต่งงาน

แหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งคือ ถนน Hanami-koji ซึ่งเป็นย่านประวัติศาสตร์ อันเป็นจุดเริ่มต้นของเหล่าเกอิชาแห่งเมืองเกียวโต สองข้างทางเรียงรายด้วยบ้านไม้แบบญี่ปุ่นดั้งเดิม และได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนั้น เมืองเกียวโต ยังเป็นแหล่งกำเนิดของพิธีชงชาอันมีแบบแผนของญี่ปุ่น ซึ่งที่นี่ ท่านสามารถมาสัมผัสและเรียนรู้วิถีการชงชาที่มีเอกลักษณ์ได้อย่างเต็มที่

เกี่ยวโต จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะเสมอสำหรับคนที่มีหัวใจโรแมนติก ซึ่งท่านสามารถมาเยี่ยมเยือนเพื่อสัมผัสความงดงาม และเอกลักษณ์แห่งศิลปะญี่ปุ่น ไม่ว่าจะแวะเวียนมากี่ครั้ง ก็ยังสุขกับทุกสัมผัสได้ไม่รู้จบ

โอ๊คแลนด์...นิวซีแลนด์

ที่นี่ คือ จุดหมายท่องเที่ยวสำหรับฤดูใบไม้ผลิของเรา... โอ๊คแลนด์เป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และเป็นที่ที่มีชาวโพลีนีเซียนมากที่สุดในโลก ชื่อที่เรียกเมืองโอ๊คแลนด์ว่า Tamiki Makaurau มีความหมายว่า ที่นี่เป็นที่ของ “คนรักเป็นพันคน”

สำหรับท่านที่ชอบชมวิวกว้างๆ ให้ทั่วเมือง ต้องเริ่มที่จุดชมวิว Auckland Sky Tower ที่นี่ถือสัญลักษณ์แลนด์มาร์กที่สำคัญ และเป็นจุดที่สูงที่สุดของนิวซีแลนด์ด้วยโครงสร้างความสูง 328 เมตร จากจุดชมวิวนี้ ท่านจะได้เห็นทัศนียภาพของเมืองโอ๊คแลนด์ได้อย่างเต็มอิ่ม รวมถึงบริเวณที่อยู่รายรอบ อันได้แก่ มหาสมุทร บริเวณอ่าว เกาะแก่งต่าง ๆ และชนบทนอกเมือง

แหล่งท่องเที่ยวโดดเด่นทางวัฒนธรรมได้แก่หอภาพ The Auckland Art Gallery ซึ่งมีงานศิลปะที่รวมรวมไว้กว่า 15,000 ชิ้น และที่นี่นับเป็นหนึ่งในหอภาพที่มีงานศิลปะของศิลปินชนพื้นเมือง Maori และชาวเกาะแห่งมหาสมุทรแปซิฟิค


สำหรับสายชอป...พลาดไม่ได้ที่จะต้องแวะ Ponsonby แหล่งรวมของบูติกหรูเลิศ เครื่องใช้ในบ้านดี ๆ งานศิลปะและงานจักสานพื้นบ้าน รวมถึงภัตตาคารอาหารค่ำชั้นดีของโอ๊คแลนด์ ซึ่งท่านสามารถเลือกได้ตั้งแต่ร้านระดับหรูเลิศ จนถึง ความอร่อยแนวสตรีทฟู้ด

เที่ยวชมกันทั่วเมืองแล้ว ก่อนกลับต้องแวะมาล่องเรือเฟอรรี่สู่เกาะ Waiheke สักครั้ง เพื่อสัมผัสชายหาดที่แสนงดงาม หรือไปปั่นจักรยานแบบ Cycling Trials ยิ่งถ้าท่านเป็นผู้ชื่นชอบไวน์...ที่นี่มีโรงกลั่นเหล้าองุ่นระดับบูติกมากมาย รวมถึงร้านอาหารสไตล์ท้องถิ่น ซึ่งรองรับท่านได้ไม่ว่าจะเป็นมื้อเที่ยง บ่าย หรืออาหารค่ำใต้แสงจันทร์...


บินไปสัมผัสประสบการณ์ ณ จุดหมายแสนโรแมนติกกับการบินไทยได้ทุกที่...ทุกเวลา สำรองเที่ยวบินได้ที่ thaiairways.com